Chypre (ชิพ-เพรอร์ ) ตระกูลน้ำหอมสุดคลาสสิกที่มีพื้นฐานมาจากกลิ่นของ oakmoss, bergamot และ Ciste-labdanum ให้ความรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา ตามด้วยกลิ่นดอกไม้อย่างกุหลาบและมะลิซึ่งจัดเป็นช่วง Middle Note ของน้ำหอม Chypre
Oakmoss และ Labdanum เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มคาแรกเตอร์ของกลิ่นให้มีลักษณะเฉพาะตัว แตกต่างจากน้ำหอมตระกูลอื่น ๆ
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป IFRA ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการจำกัดการใช้วัตถุดิบบางตัว อย่าง oakmoss และ labdanum ทำให้เราไม่สามารถหาน้ำหอมในตระกูล Chypre แบบดั้งเดิมได้ในปัจจุบัน
นักปรุงน้ำหอมหลายคนที่ชมชอบกลิ่น Chypre หันมาใช้วัตถุดิบทดแทนอย่าง Patchouli หรือ โน้ตไม้อื่น ๆ อย่าง Cedarwood และ Vetiver เพื่อสรรสร้าง Chypre Accord เป็นของตัวเอง เพื่อให้อยู่ภายใต้คอนเซ็ปกลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกถึงป่าชื้นในฤดูใบไม้ร่วง
ดังนั้นลักษณะเฉพาะของน้ำหอม Chypre ในปัจจุบันคือกลิ่นที่ให้ความสุขุมในช่วง Top Note และ Middle Note เปิดด้วยกลิ่นหวานอมเปรี้ยวของผลไม้เช่น bergamot ผสานกับกลิ่นของดอกมะลิและกุหลาบ ซึ่งมีฐานเป็นกลิ่นไม้ชื้นๆ จาก patchouli และเสริมความลุ่มลึกและมีมิติจาก labdanum หรือวัตถุดิบกลิ่นเลียนแบบจากสัตว์
ประวัติน้ำหอมตระกูล Chypre Chypre เป็นภาษาฝรั่งเศสที่หมายถึงเกาะไซปรัส (Cyprus) เกาะนี้มีความเกี่ยวข้องกับน้ำหอมและปรากฏคำๆ ขึ้นในปี ค.ศ. 1588
แท้จริงแล้วเกาะไซปรัสขึ้นชื่อในเรื่องของการผลิตถุงมือที่มีกลิ่นหอมของต้นโอ๊ค และเป็นศูนย์กลางของการค้าน้ำหอมในภาคตะวันออกของฝรั่งเศส โดยจะนำเข้า olibanum, nard และ cinnamon จากซีเรียและฟีนิเซีย รวมถึงเป็นแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงของ abdanum, marjoram, iris และ oakmoss
น้ำที่มีกลิ่นหอม [scented water] นี้ถูกส่งออกไปทั่วยุโรปและผู้ผลิตน้ำหอมชาวฝรั่งเศสใช้สูตรนี้ในการผลิตน้ำหอมด้วย ในขณะนั้น กลิ่นหอมนี้ทำให้มีความรู้สึกชุ่มชื่นด้วยกลิ่นที่แห้งและมีความหยาบ แต่อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง ที่มาของคำว่า “Chypre Perfume” นั้นค่อนข้างคลุมเครือ
สำหรับสูตร Chypre แบบดั้งเดิมนั้นไม่มีสูตรเฉพาะตายตัว เนื่องจากมีการอ้างอิงสูตรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เรารู้แค่ว่าวัตถุดิบที่ใช้ทำน้ำหอม Chypre มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยจนถึงศตวรรษที่ 19
น้ำหอม Chypre เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชายในสมัยนั้น
รูปแบบและการใช้งานของ Chypre ในอดีต อย่างที่เราทราบกันดีว่าในสมัยก่อนน้ำหอมมีหน้าที่ให้ความหอมเพื่อปิดบังความเหม็นและส่งสกปรก รวมถึงการป้องกันโรคด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ Chypre ก็มีการใช้งานในหลายๆรูปแบบ ทั้งแบบผง หรือเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการเผาไหม้ หรือเป็นน้ำปรุงแต่งกลิ่นที่มีลักษณะเป็นของเหลว ซึ่งมีสูตรแตกต่างกันไปตามเวลา
ยกตัวอย่างเช่น "Chypre" ที่มีรูปแบบเป็นแป้งใช้สำหรับบำรุงผมและวิกผม ซึ่งก็มีหลายสูตร แต่ก็มีความคล้ายกัน ประกอบด้วย musk, amber, civet ผสมกับ oakmoss และ iris : ส่วน Chypre ที่เป็นวัตถุดิบสำหรับเผาที่เรียกว่า "Chypre Birds" ถูกนำมาใช้ในยุคกลาง มีลักษณะเป็นของแข็ง เมื่อถูกโยนเข้าไปในกองไฟจะทำให้เกิดกลิ่นหอมอบอวล บางคนกล่าวว่า “เหตุผลที่เรียกว่า Chypre Birds เพราะเมื่อได้กลิ่นหอมจากควันจะทำให้รู้สึกตัวเบาและบินออกไปเหมือนนก” ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ทางเราก็ไม่สามารถหามาทดลองได้
และสุดท้ายสำหรับ Chypre ที่เป็นของเหลวหรือก็คือน้ำที่มีกลิ่นหอม ซึ่งคาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับต้นกำเนิดของ Chypre Perfume มากที่สุด
การวิวัฒนาการของน้ำหอมตระกูล Chypre โดยเราจะเริ่มพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของ Chypre ในช่วงเวลาแห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมนี้ นำไปสู่การค้นพบการสังเคราะห์สารอินทรีย์
ถ้านับจากการวิวัฒนาการของการค้นพบโมเลกุลใหม่ ๆ ในวงการน้ำหอม
เทคนิคการสกัดและการสังเคราะห์เกิดขึ้นมาใหม่โดยตลอดพร้อมการการจำกัดการใช้สารโดย IFRA เป็นผลให้มีการสร้างสารสกัดและการผลิตกลิ่นรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า "Chypre Accord" โดยมีความแตกต่างจาก Chypre แบบดั้งเดิมซึ่งจะใกล้เคียงหรือแตกต่างอย่างไรก็ขึ้นกับความสามารถของแต่ละบ้านน้ำหอม
ยกตัวอย่างน้ำหอมในยุคนั้นได้แก่
แต่แล้ววันหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ. 1917 ที่การจำหน่ายน้ำหอมนั้นค่อนข้างมีการจำกัดในวงแคบ
François Coty ก็ได้เปลี่ยนประเพณีของ Chypre ไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาได้สร้างน้ำหอมตระกูล Chypre ที่น่าสนใจจนทำให้มันกลายเป็นน้ำหอมที่โด่งดังและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นพื้นฐานของน้ำหอมหลายตัวในปัจจุบัน
ด้วยการสร้างกลิ่นเปิดสดชื่นจากผลไม้อย่าง bergamot ผสมผสานกับกลิ่นของดอกไม้ที่นุ่มนวล อย่าง กุหลาบและมะลิ รวมถึงการวางฐานด้วยกลิ่นของ oakmoss, patchouli, และ civet เป็นต้น
การปรากฏตัวของน้ำหอม Chypre Coty ได้สร้างกระแสที่จะดึงดูดผู้หญิงทุกคน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการตลาดในสมัยนั้น และได้กลายเป็นตำนานที่หลายคนพูดถึงมาจนถึงปัจจุบัน
Chypre กับการปลดปล่อยอิสระภาพของสตรี ผู้หญิงในช่วงเวลานั้นพร้อมที่จะใช้น้ำหอม "ผู้ชาย" มากขึ้น ในช่วงยุคสงครามผู้หญิงเข้ามามีบทบาทและอิสระเสรีมากขึ้น ซึ่งแต่เดิมผู้หญิงจะไม่ค่อยมีบทบาททางสังคมมากนัก โดยเริ่มต้นจากการเปลี่ยนทรงผมสไตล์ "Boyish" เริ่มขับรถและสวมกางเกงเพื่อความสะดวกสบาย
น้ำหอม Chypre ก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับความเป็นผู้หญิงในรูปแบบใหม่นี้
นี่คือจุดเริ่มต้นของการปลดปล่อย การเลือกใช้น้ำหอมของผู้หญิงก่อนและหลังสงครามมีความแตกต่างกันมาก จากกลิ่นดอกไม้และแป้ง (โดยเปรียบเทียบการเลือกใช้น้ำหอม, การให้น้ำหอมเป็นของขวัญ และน้ำหอมสำหรับงานแต่งงาน) กลายมาเป็นน้ำหอมที่มีความหลากหลายขึ้น ซึ่งน้ำหอม Chypre เองก็เป็นจุดเริ่มต้นของปลดปล่อยอิสรภาพของสตรี
แต่อย่างไรก็ตามอย่างที่ได้กล่าวไว้ในช่วงต้น Oakmoss ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักได้ถูกห้ามใช้โดย IFRA (International Fragrance Association) เนื่องจากเป็นสารก่อภูมิแพ้ในปี ค.ศ. 2012
ทำให้ Oakmoss ต้องถูกแทนที่ด้วยกลิ่นอื่นๆ หรือสารสังเคราะห์อย่าง Evernyl [ Methyl 2,4-dihydroxy-3,6-dimethylbenzoate ] แต่ส่วนใหญ่จะถูกแทนที่ด้วย patchouli โดย Chypre Accord เองก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน
สุดท้ายถ้าคุณสังเกตองค์ประกอบของ Chypre ที่มีส่วนของ bergamot, jasmine, rose, patchouli และ civet ที่มีความคล้ายคลึงกับส่วนประกอบของน้ำอบและน้ำปรุงไทย (ถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งหมด) แอดมินก็อดคิดไม่ได้ว่า บางทีน้ำอบและน้ำปรุงไทยอาจได้แรงบันดาลใจหรืออาจมีต้นกำเนิดมาจากน้ำหอมตระกูลนี้ก็เป็นได้
อ้างอิงจาก
https://www.sylvaine-delacourte.com/en/guide/the-chypre-family?fbclid=IwAR1O8Qzo0HAAWnCfwyQnjYzyLpDdGtGvZsNlC6G_px0o8PyQ8-c_ne0PELk
https://www.carrementbelle.com/blog/en/2020/07/29/chypre-perfume-origins-cyprus-olfactory-family/?fbclid=IwAR1wC0_ronu0Um9Im5m5p_miDaOII09HMDRBMgjAGAuSOiuazF3BYn2pY0Y
ผู้เขียน
ณัท : SIAM1928
เรียบเรียง
Kijjaz : นักดนตรีและนักปรุงน้ำหอม
เคนจิ : Artisan Valley : น้ำหอมทำมือและชุมชนของคนทำน้ำหอม
เปิดโลกของคุณ, หาตัวคุณให้เจอ, สไตล์ที่ใช่, กลิ่นที่คุณชอบ?
We have 776 guests and no members online